๑۩۞۩๑ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่เว็บบล๊อกของผมครับ ๑۩۞۩๑

วันพฤหัสบดีที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บทความนานาสาระ

ทดแทนพระคุณพ่อแม่

เมื่อเป็นเด็กตัวเล็กๆ นั้นทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง พ่อและแม่เป็นกำลังให้เสมอ ยอมเหนื่อยเพื่อที่จะเลี่ยงดูให้เราเติบโตมาได้ พ่อแม่เสียสละเพื่อเราแค่ไหน เราไม่มีโอกาสรู้เลย
“ได้เห็นรอยยิ้มของลูก พ่อแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว”
นั้นคือสิ่งที่ได้ยินจากปากของพ่อแม่หลายๆ คน ได้เห็นลูกมีการศึกษาดี ได้เห็นลูกเอาตัวเองรอดในสังคม ยืนด้วยสองขาของตัวเองได้ ช่วยเหลือตัวเองได้ มันเพียงพอแค่นั้นจริงๆ
คนที่เป็นพ่อเป็นแม่ไม่เคยคาดหวังอะไร ?
แต่เราเคยคาดหวังอะไรแทนท่านบ้างไหม ?
“พระ” ในใจมนุษย์ทุกคนก็คือพ่อแม่นั้นเอง ไม่ว่าพ่อแม่จะบกพร่องไม่สมบรูณ์เต็มความคาดหวังของเราก็ตาม ให้เชื่อว่ามันดีที่สุดแล้ว เป็นเรื่องที่วิเศษสุดแล้ว ที่เรามีท่านเป็น “พระ” ให้ยึดเหนี่ยว
➢ เราจำไม่ได้หรอกว่าพ่ออวดโอ่คนไปทั้งคุ้งน้ำขนาดไหนเมื่อเราเริ่มคว่ำได้
➢ เราไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าน้ำตาสองเบ้าตาแม่นั้นอิ่มเอิบด้วยความปิติแค่ไหนที่เราเริ่มเดินได้เพียงเตาะแตะ
➢ เราจำไม่ได้ว่าคำพูดแรกที่เราพูดนั้นคือคำว่าอะไร แต่แม่ของเราไม่เคยลืมคำนี้แน่นอน
➢ เราไม่ได้เป็นคนเลือกกระเป๋าหนังสือไปโรงเรียน ตอนเราเริ่มเข้าอนุบาล แต่พ่อเป็นคน เลือกซื้ออันที่ดีและสวยที่สุดให้เรา
➢ แม่คอยสอนการบ้านเราทุกวัน ตั้งแต่วันที่เราเขียนอ่านยังไม่ได้ จนวันนี้เราอาจจะคิดไปว่าเราเก่งเกินหน้าพ่อแม่เป็นไหน
เราคงลืมหมดแล้ว แต่มันยังฝังอยู่ลึกๆ ในใจของพ่อแม่เราเสมอ
เราเติบโตใหญ่และแข็งแรงในสังคมได้อย่างไร หากเราไม่มีรากฐานที่ดี ไม่จำเป็นต้องเป็นรากฐานที่ดีที่สุด เราต้องสานตัวเองและช่วยเหลือตัวเอง
โลก คือ มหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุด ศึกษาเท่าไรก็ไม่มีวันจบ
แต่ถ้าเราไม่เรียนรู้ที่จะเริ่มต้น เราก็ไปไม่ถึงไหนอยู่ดี

คนที่เป็นเพื่อนคนแรก คนที่เป็นครูคนแรก คนที่เป็นคนซับน้ำตาของเราคนแรก คือ พ่อแม่


“คนฉลาด”...ย่อมไม่เคยคิดว่า...คนอื่น“โง่”

คนฉลาดย่อมไม่เคยคิดว่าคนอื่นโง่และคนโง่มักคิดว่าตนเองฉลาด คนที่ดูถูกคนอื่นว่าโง่ บางทีตัวเองอาจโง่ยิ่งกว่า และมีแต่ละบุคคลประเภทนี้เท่านั้นที่มักถูกผู้อื่นหลอกลวงอยู่เสมอ
สิ่งที่เราไม่ชอบ บางครั้ง เราก็จำเป็นต้องรู้ อย่าปิดกั้นตัวเองให้ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ชมชอบเลย เพราะในโลกนี้สิ่งที่ทำร้ายเราได้ง่ายที่สุด คือ สิ่งที่เราไม่ยอมรู้และไม่เคยเข้าใจชีวิตเป็นของเธอ ทางเดินชีวิตย่อมเป็นของเธอ 2 ขาของเธอ จงก้าวไปตามทางนั้น ทำในสิ่งที่เธอถนัดและเข้าใจ เธอจะไปได้ดีเท่าที่เธอควรจะไป หากอยากจะถามหาความจริงใจจากใครต่อใคร ต้องเริ่มถามหาที่ตัวเธอเองก่อนว่ามีความจริงใจเพียงพอหรือไม่ชีวิต..ไม่เคยมีคำว่าสาย หากก้าวหลงเดินทางผิด ย่อมกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ อาจจะช้ากว่าที่ควรจะเป็นไป แต่ก็ยังดีกว่าดิ่งลึก จมลงในความเลวร้ายทุกที ทุกที อย่าพยายามยัดเหยียดความสุขหรือสิ่งที่เราคิดว่าดีให้กับใครต่อใคร เพราะมันอาจจะกลับกลายเป็นความทุกข์ ทุกข์ทั้งผู้ให้ ทุกข์ทั้งผู้รับ เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าชีวิตต้องการอะไร ?
ถาม ... และหาคำตอบให้แน่ใจ และเข้าใจให้ถ่องแท้ เมื่อนั้นเราจะก้าวต่อไปข้าวหน้าอย่างเชื่อมั่น และถูกทิศทางกว่าเดิม โลกเรายังคงหมุนไปทุกวัน หากวันนี้เราหยุดนิ่ง พรุ่งนี้ เราก็แทบวิ่งตามไม่ทัน ชีวิตที่มีคุณค่า คือ การใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เลย มาเริ่มต้นสรรค์สร้างสิ่งดีดีให้กับชีวิตของเราเถิด

อย่าไปคิดว่า คนที่นั่งอยู่ในร่มไม้กลัวแสงแดด
อย่าไปคิดว่า คนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเป็นคนเกียจคร้าน
อย่าไปคิดว่า คนที่หกล้มเป็นคนอ่อนแอ

***จงอย่าใช้เหตุผลของเธอ ตัดสินความหมายในสิ่งที่เธอเห็น โดยที่ไม่รับฟังเหตุผลจากอีกฝ่ายหนึ่งให้ดีเสียก่อน


ตั้งเป้าหมายของชีวิต

บางที.........
ฉันก้อเคยตั้งคำถามกับตัวเองว่า อะไรคือเป้าหมายในชีวิต
ความสำเร็จในอาชีพการงาน ความร่ำรวยมั่งคั่ง
ความมีชื่อเสียงได้รับการยอมรับ การมีสุขภาพที่สมบูรณ์
มีเพื่อนที่ดี และมีครอบครัวที่อบอุ่น ดูเหมือนมันจะมีมากมายเหลือเกิน
จนไม่แน่ใจว่า จะหามันมาได้ทันภายใน 1 ชีวิตนี้หรือไม่
ฉันจึงตั้งเป้าหมายให้ชีวิตตัวเองเสียใหม่
โดยที่เป้าหมายนั้นไม่เป็นสิ่งที่ไกลเกินคว้า
หรือเป็นสิ่งที่แค่เอื้อมมือถึง ตั้งเป้าหมายให้ไกล
พอที่จะไม่ทำให้แรงจูงใจในชีวิตก้าวย่ำอยู่กับที่
และตั้งเป้าหมายนั้นให้ใกล้ พอที่ความพยายามของเรานั้น
สามารถเดินทางไปถึงได้ในวันข้างหน้า บางทีความสำเร็จในชีวิต
ก็ไม่ได้หมายถึงการมีทุกสิ่งทุกอย่างครบถ้วน ขอเพียงให้เราได้มีแค่บางสิ่ง
ที่เป็นสิ่งที่เราต้องการจริง ๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
………………….


เขียนโดย ภิญโญ งาหอม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น