ผลกระทบต่างที่เกิดขึ้นมากมายจากโลกไซเบอร์นั้น ก็มีให้เห็นกันบ่อยมากขึ้น เนื่องจากการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว สังคมมนุษย์ก็เกิดโลกส่วนตัวมากขึ้น ขาดการปฏิสัมพันธ์ในทางเผชิญหน้าน้อยลง ทำให้ความจริงใจหรือการจะได้เรียนรู้ลักษณะท่าทางที่แสดงออกมาเวลาพูดคุยว่ามีความจริงใจ หรือบอกกล่าวข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือมากแค่ไหน เราจึงได้รับรู้ข่าวอาชญากรรมที่เกิดขึ้นจากการติดต่อสื่อสารโดยใช้เทคโนโลยีเป็นช่องทาง เช่นการถูกล่อหลวง ชิงทรัพย์ ข่มขืนกระทำชำเราต่างๆมากมาย เพราะการให้ข้อมูลส่วนตัวมากเกิดไป และการไว้ใจคนแปลกหน้าที่ยังไม่เคยรู้จัก
แต่ด้านดีของเทคโนโลยีไร้สายอย่างอินเตอร์เน็ต ที่ตอนนี้นอกจากโปรแกรมคุยกันผ่านทาง MSN แล้วนั้น เรายังมี Blog ที่ใช้เป็นจุดศูนย์กลางของการเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นช่องทางการใช้ติดต่อสื่อสารในกลุ่มเพื่อนได้ เป็นช่องทางที่จะเสนอความคิดเห็นหรือความคิดสร้างสรรค์อีกทางหนึ่งด้วยBlog จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการสื่อสาร
และการที่เราอาศัย blog มาเป็นสะพานเชื่อมโยง ความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ทัศนคติ ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ โดยนำสิ่งเหล่านี้มาแรกเปลี่ยนกัน อะไรจะเกิดขึ้น! หากมองในแง่ดีแล้ว คนก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนทั่วโลกได้ รวมทั้งเป็นเวทีขนาดเล็กๆ ที่มีผู้ชมมากมาย ให้คุณได้แสดงผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และอื่นๆ อีกมากมายออกสู่สายตาชาวโลก โดยใช้เวลาอันรวดเร็วด้วย หรือพูดให้ชัดขึ้นก็คือ เป็นหน้าโฆษณาที่เปิดเสรีและฟรีสำหรับทุกคน ใครที่มีหัวการค้า มีความสามารถด้านใดก็ตาม คุณมีโอกาสที่จะใช้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่อันจำกัดนี้ บอกให้ผู้อื่นได้รู้ว่ามีคุณอยู่ตรงนี้อีกคน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมีเทคนิคพอที่จะเปิดตัวเองให้โลกรับรู ้ได้เร็วที่สุด โลกแห่งไซเบอร์สเปซไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากแต่ต้องการให้ทุกคนได้ปรับมุมมองเสียใหม่ การมองเห็นในสิ่งเหล่านี้ก็จะกว้างขึ้น
แต่ด้านดีของเทคโนโลยีไร้สายอย่างอินเตอร์เน็ต ที่ตอนนี้นอกจากโปรแกรมคุยกันผ่านทาง MSN แล้วนั้น เรายังมี Blog ที่ใช้เป็นจุดศูนย์กลางของการเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน เป็นช่องทางการใช้ติดต่อสื่อสารในกลุ่มเพื่อนได้ เป็นช่องทางที่จะเสนอความคิดเห็นหรือความคิดสร้างสรรค์อีกทางหนึ่งด้วยBlog จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการสื่อสาร
และการที่เราอาศัย blog มาเป็นสะพานเชื่อมโยง ความรู้สึกนึกคิด มุมมอง ทัศนคติ ประสบการณ์ และความรู้ความสามารถ โดยนำสิ่งเหล่านี้มาแรกเปลี่ยนกัน อะไรจะเกิดขึ้น! หากมองในแง่ดีแล้ว คนก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้วัฒนธรรมของคนทั่วโลกได้ รวมทั้งเป็นเวทีขนาดเล็กๆ ที่มีผู้ชมมากมาย ให้คุณได้แสดงผลงาน สิ่งประดิษฐ์ และอื่นๆ อีกมากมายออกสู่สายตาชาวโลก โดยใช้เวลาอันรวดเร็วด้วย หรือพูดให้ชัดขึ้นก็คือ เป็นหน้าโฆษณาที่เปิดเสรีและฟรีสำหรับทุกคน ใครที่มีหัวการค้า มีความสามารถด้านใดก็ตาม คุณมีโอกาสที่จะใช้กรอบสี่เหลี่ยมที่มีพื้นที่อันจำกัดนี้ บอกให้ผู้อื่นได้รู้ว่ามีคุณอยู่ตรงนี้อีกคน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมีเทคนิคพอที่จะเปิดตัวเองให้โลกรับรู ้ได้เร็วที่สุด โลกแห่งไซเบอร์สเปซไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากแต่ต้องการให้ทุกคนได้ปรับมุมมองเสียใหม่ การมองเห็นในสิ่งเหล่านี้ก็จะกว้างขึ้น
กว่าจะมาเป็นบล็อก
Blog ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างงมากในขณะนี้ แท้ที่จริงก็เป็นการพัฒนามาจาก การสื่อความหมายด้วยการเขียน หรือจดบันทึกเรื่องราวที่เราได้ไปเจอะไปเจอมาในแต่ละวัน ลงในสมุด ต่อจากนั้นเมื่อมีอินเทอร์เน็ตเราก็เริ่มพัฒนามาเป็นการเขียนบันทึกลงในไดอารี่ ออนไลน์ ซึ่งมีพี่เก่งของเรา เป็นผู้นำเข้านวตกรรมคนแรกของเมืองไทย จวบจนมาถึงปัจจุบัน จึงกลายมาเป็น blog ที่กำลังจะกล่าวถึง ด้วยศักยภาพที่มีอยู่อย่างไร้ขีดจำกัดของมัน ที่สามารถเขียนบันทึกเรื่อวงราวได้ 108 1009 ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ ระยะเวลา อีกต่อไป Blog จึงสามารถครองใจคนออนไลน์ได้อย่างไม่ยากทั้งนี้ถ้าจะอธิบายในแบบวิชาการคงต้องอ้างอิงทฤษฎีที่มารองรับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ จึงสามารถโยงเข้ากับแนวคิด ทฤษฎีได้อย่างอย่างหลาย อาทิ แนวคิดด้านวัฒนธรรม ทฤษฎีทางสื่อสารมวลชน และBlog สมารถเชื่อมโยงได้ว่าเป็นวัฒนธรรมย่อยคือ ถ้าเราจะให้คำจำกัดความของ คำว่า วัฒนธรรม โดยแบ่งตามอาชีพ จะเห็นได้ว่า การที่ Blog เข้ามาในเมืองไทย นั้นยังคง เป็นสิ่งใหม่สำหรับคนไทย น้อยคนนักจะรู้จัก และรู้ถึงศักยภาพที่มีอยู่อย่างไร้ขีดจำกัดของมัน ถ้าไม่ใช่ในกลุ่มของคนออนไลน์ด้วยกัน เพราะฉะนั้น เปรียบเหมือน เป็นวัฒนธรรมย่อย ของชุมชนคนออนไลน์ ที่ชอบอะไรเหมือน ๆ กัน มีการติดต่อสื่อสารในเฉพาะกลุ่มเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวคราว ความเคลื่อนไหวในแวดวง อย่างสม่ำเสมอ นั่นเอง ทั้งนี้เพื่อให้เห็นความชัดเจนมากขึ้น จึงสามารถอธิบายได้ด้วยทฤษฎี แนวคิดเกี่ยวกับวัฒนธรรม ที่กล่าวไว้ว่า(ในสังคมหนึ่งๆ สมาชิกทุกคนย่อมมีความคิดของตนเองเป็นเอกเทศ แต่ถ้ารวมกลุ่มความคิดของบุคคล ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบเดียวกัน ย่อมมีความคล้ายๆ กัน)
ตัวอย่างเว็บไซต์ที่ให้บริการ blog
1. www.bloggang.com เว็บแรกที่นำมาแนะนำให้รู้จักกันก็คือ BlogGang.com ซึ่งเป็น Weblog ที่เป็นภาษาไทย และก็เป็นของคนไทยทำด้วยเช่นกัน เว็บนี้เขามีสโลแกนที่อ่านดูแล้วโดนใจไม่ใช่น้อย \"Weblog for you and your gang\"
2. www.blogger.com สำหรับ Weblog ถัดมาที่เรานำมาแนะนำให้รู้จักกันคือ blogger.com ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและโด่งดังในต่างประ เทศมาก และก็เป็น Weblog อันดับต้นๆ ที่เปิดให้บริการด้วย หน้าแรกของเว็บออกแบบมาง่ายๆ แต่ก็ได้ใจคนใช้บริการไปเยอะทีเดียว
2. www.blogger.com สำหรับ Weblog ถัดมาที่เรานำมาแนะนำให้รู้จักกันคือ blogger.com ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยมและโด่งดังในต่างประ เทศมาก และก็เป็น Weblog อันดับต้นๆ ที่เปิดให้บริการด้วย หน้าแรกของเว็บออกแบบมาง่ายๆ แต่ก็ได้ใจคนใช้บริการไปเยอะทีเดียว
3. Weblog.manager.co.th ใครที่ชอบอ่านข่าวการบ้าน การเมือง หรือบันเทิงจากเว็บไซต์ผู้จัดการเป็นประจำอยู่ละก็ ตอนนี้แนะนำให้คุณลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกของเว็บนี้เพราะคุณจะได้สิทธิ์ในการมี blog เป็นของตนเอง รวมถึงการเข้าไปอ่าน blog ดีๆ จากเพื่อนสมาชิกด้วย เทาที่ดูคร่าวๆ นั้น แฟนๆ ของเว็บผู้จัดการมีจำนวนมากทีเดียว สังเกตได้จากจำนวนสมาชิกและผู้ที่เข้ามาอ่านข้อความใน blog ต่างๆ ที่ปรากฏบนหน้าจอ